ความฝันของแต่ละคนแตกต่างกันไปในเรื่องของเดินทางไปให้ถึงเป้าหมาย ครอบครัวจึงเป็นเบ้าหลอมแรกที่สำคัญที่สุดในการเดินหน้าสร้างคุณลักษณะที่ดีสำหรับเด็กๆทุกคน เช่นเดียวกับ ด.ช.นภนต์ เอกสาตรา ลูกชายวัย 12 ปี ของ “โค้ชนพ”นพพร เอกสาตรา ที่ซึมซับเรื่องราวของฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเด็กและได้มีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามคุณพ่อไปตามสนามฟุตบอลก่อนจะเลือกเดินบนถนนสายฟุตบอลตามพ่ออย่างแรงกล้า
แต่การเลือกเดินครั้งนี้แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมเรื่องของฟุตบอลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ว่าตัวน้องเองไม่ได้ถูกบังคับให้มาเอาดีในด้านฟุตบอล นพพร เอกสาตรา ผู้พ่อให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนตัดสินใจเอง ไม่อยากบังคับเพราะคิดว่าการทำอะไรที่ไม่ใช่สิ่งที่รักย่อมเดินถึงเป้าหมายปลายทางยากมากในแนวความคิดของพ่อ พูดง่ายๆ คือคือถ้าไม่รักไปยัดเยียดให้เด็กๆทำไปก็ไม่มีความสุขอะไรสิ่งที่ตามมา
โดยผู้พ่อเล่าย้อนหลังถึงลูกชายว่า จริงๆน้องติดสอยห้อยตามไปตามสนามตลอดด้วยความที่เราเป็นโค้ชจึงมีแต่สนามฟุตบอล วันหนึ่งลูกชายเดินมาบอกว่าอยากเป็นนักฟุตบอลผมจึงเริ่มคิดออกแบบวิธีการในการสร้างลูกตัวเองบนถนนสายฟุตบอลด้วยวิธีการของตัวเอง ซึ่งเราก็มีโอกาสได้ศึกษาวิชาโค้ชได้ทำทีมเคยพา เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ดิวิชั่น 2 เคยสอนฟุตบอลในโรงเรียนกีฬา กทม. หลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น “อุ้ม”ธีราทร บุญมาทัน, “ตั้ม”ธนบูรณ์ เกษารัตน์, “บาส”พีรพัฒน์ โน้ตชัยยาฯ นักเตะเหล่านี้ไม่ได้เก่งมาตั้งแต่แรกเริ่มแต่ขยันที่จะเรียนรู้รับผิดชอบมีทัศนคตินักสู้สูง
จึงคิดว่าการได้เอาความรู้ที่มีมาสอนลูกตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดีเมื่อน้องตัดสินใจจะเดินบนถนนสายฟุตบอล เริ่มสอนกันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ สิ่งที่สอนอันดับแรกเลยไม่ได้สอนให้เขาเก่งแต่สอนให้เขารับผิดชอบตัวเองในเรื่องของระเบียบวินัย,ทัศนคติ,การตรงต่อเวลาฯ หลังจากนั้นมาก็ค่อยๆสอนไปเรื่อยๆ ทั้งฟุตบอลและวิทยาศาสตร์การกีฬาในวัยของเขาที่ควรจะได้รับ
จนวันนี้ลูกชายกำลังจะอายุครบ 12 ปี ก็เริ่มเห็นทิศทางความฝันและเป้าหมายของเขาพยายามพาไปทดสอบตามสถานที่ต่างๆเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ แต่ไม่เน้นการแข่งขัน แม้ว่าเราจะอยู่ในวงการเราก็ไม่เคยใช้สิทธิ์พิเศษให้ลูกลงไปต่อสู้แข่งขันทดสอบดูความสามารถเพื่อการปรับปรุงข้อบกพร่อง เรื่องเหล่านี้จะยกระดับจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้นในอนาคตนักกีฬาต้องเจอกับสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง
ล่าสุดหลังจากเรียนรู้กันมาอย่างยาวนานในเรื่องของฟุตบอลลูกชายก็เดินมาบอกว่าอยากจะไปทดลองฝึกฟุตบอลที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปิดเทอม เรื่องนี้พูดคุยกันตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด ซึ่งเราเองก็สนิทกับ โนกุชิ ปินโต อดีตผู้รักษาประตูญี่ปุ่น-บราซิล ที่เคยมาเล่นไทยลีก ก็พูดคุยกันหาช่องทางเพื่อจะเปิดโอกาสให้ลูกชายไปเรียนรู้ ฝึกซ้อม มีการประเมินค่าใช้จ่ายเหล่านี้ว่าจะใช้เท่าไรใน 1 ปี ที่จะเกิดขึ้น 1 ครั้ง จำนวนเงินเหล่านี้ต้องบริหารเป้าหมายร่วมกัน
ลูกชายผมจะเก็บเงินค่าขนมตลอดทั้งปีที่ได้รับในการไปเรียนหนังสือหักเก็บไว้หยอดกระปุกเพื่อช่วยเรื่องของค่าตั๋วเครื่องบิน นอกจากค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการเดินทางไปที่ญี่ปุ่น ซึ่งมุมนี้มันแสดงให้เราเห็นว่าเขามีความชัดเจนในเรื่องของฟุตบอลและหวังไปให้ถึงเป้าหมาย แน่นอนว่าเด็กๆทุกคนมีแรงบันดาลใจลูกชายผมเองก็เช่นกันเขาอยากจะไปเริ่มที่ญี่ปุ่นเพราะมี ธีราทร บุญมาทัน เป็นแรงบันดาลใจ
อนาคตผมไม่รู้ว่าเส้นทางของลูกชายไปสุดทางแค่ไหน?กับสิ่งที่เขาตั้งใจ แต่ในทุกๆปีเราวางแผนกันแบบนี้ก็เพื่อให้เขาเรียนรู้สร้างประสบการณ์ กว่าจะโตถึงวัยนักฟุตบอลอาชีพจะมีหลายสิ่งที่เขาได้รับ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละปีหากวางแผนคุยกันชัดเจนประหยัดอดออมเราก็สามารถต่อฝันลูกเราและลูกเราก็มีเป้าหมายชัดเจนได้
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ลูกชายโค้ชดัง เก็บค่าขนมทั้งปีขอพ่อไปทดสอบต่างแดน - สยามกีฬา )https://ift.tt/38gYKmo
กีฬา
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ลูกชายโค้ชดัง เก็บค่าขนมทั้งปีขอพ่อไปทดสอบต่างแดน - สยามกีฬา"
Post a Comment