Search

“แสนสิริ” รุกบ้านAffordable อัดแคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้” - ผู้จัดการออนไลน์


แสนสิริ ผนึกพันธมิตรแบงก์
“แสนสิริ” เดินหน้าปีแห่งความหวัง คืนรอยยิ้มให้ลูกค้า เพิ่มโอกาสเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่ม และเข้าถึงได้ พร้อมแผนพัฒนาโปรดักส์ราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้ แบรนด์ สิริ เพลส – อณาสิริ – สราญสิริ คอนโดเจาะกลุ่ม Young Generation ตอบโจทย์ Affordable Segment พร้อมอัดแคมเปญ “อยากได้บ้าน…ต้องได้”

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) กล่าวว่า แสนสิริเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในปี 64 ภายใต้ “ปีแห่งความหวัง” (The Year of Hope) ในการคืนรอยยิ้มให้ลูกค้า ครอบครัวแสนสิริ และสังคม รุกเพิ่มโอกาสการมีบ้านของคนไทยได้ง่ายที่สุด ด้วยกลยุทธ์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างจุดยืนในการเป็นแบรนด์ที่จับต้องง่ายและเป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” รวมถึงมุ่งมั่นมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่มากกว่า ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน” ด้วยแผนพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ที่เข้าถึงง่าย อาทิ ทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส มิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮม แบรนด์อณาสิริ และบ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริ

นอกจากนี้ยังมีแผนการเปิดตัวคอนโดฯราคาเข้าถึงง่าย แบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในทำเลคอมมูนิตี้เมือง อาทิ รัชดา, เกษตรฯ, รามคำแหง และ บางนา ในระดับราคาเริ่มต้นเพียง 1.xx ล้านบาท เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบ้านของคนทุกกลุ่มและรองรับเซกเมนต์ระดับราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของแสนสิริในปีนี้ คิดเป็นสัดส่วน 75% นอกจากนี้แสนสิริยังได้ต่อยอดบริการด้านการเงิน “กู้ง่าย ได้บ้าน” ที่ช่วยให้ลูกค้าซื้อบ้านง่ายที่สุดในปีที่ผ่านมา สู่บริการ “Sansiri Home Financial Planner” หรือ ที่ปรึกษาเพื่อการซื้อบ้าน ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้การซื้อบ้านเป็นเรื่องง่าย ตั้งแต่ “ก่อนซื้อ” และ“ระหว่างซื้อ” ภายใต้แคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้” เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยการวางแผนการเงินที่ดี

“จากความเชี่ยวชาญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้ามาตลอดระยะเวลา 36 ปี และส่งมอบไลฟ์สไตล์ที่อยู่อาศัยที่เป็น บ้าน ที่ได้มากกว่าบ้าน ให้ลูกค้ามากว่า 113,000 ยูนิต และประสบการณ์การดูแลลูกค้าตั้งแต่ ก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ ในการยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้าน ทำให้แสนสิริเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ตั้งแต่การวางแผนซื้อที่อยู่อาศัย การ เตรียมเอกสาร การติดต่อธนาคารเพื่อการยื่นกู้ ตลอดจนการติดตามผล ในวันนี้ แสนสิริจึงมั่นใจว่า จะสามารถเป็นที่ปรึกษาเพื่อการซื้อบ้านได้อย่างครอบคลุม เพื่อให้ทุกคนที่อยากได้บ้าน ต้องได้บ้าน” นางสาววรางคณา กล่าว

นายอลงกต บุญมาสุข ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์บัตรและสินเชื่อบุคคล ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การซื้อที่อยู่อาศัยต้องมีการวางแผนการออมเงินส่วนหนึ่งเพื่อเป็นเงินสำรองในการกู้ซื้อบ้าน นอกจากเงินดาวน์ประมาณ 10 - 20% ของราคาบ้านที่ต้องเตรียมพร้อมแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อบ้านที่ต้องเตรียม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายของธนาคาร เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ (ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด) ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย (ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน) และค่าใช้จ่ายของกรมที่ดิน เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน

ดังนั้น ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมเงินออมสำหรับดาวน์บ้านและค่าใช้จ่ายต่างๆ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนึงถึง เช่น ค่าใช้จ่ายในการซื้อเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน การตกแต่งเพิ่มเติมด้วยอีกส่วนนึงที่จะตามมาภายหลังการซื้อบ้านสำหรับการกู้ซื้อบ้านสำหรับกลุ่มลูกค้า SME หรือพ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์ ก็กู้เงินซื้อบ้านได้ โดยการแบ่งการออมเงินจากยอดขายที่มีเพื่อเตรียมตัวก่อนยื่นกู้ซื้อบ้าน โดยทำบัญชีรายรับ–รายจ่ายทุกวัน นับตั้งแต่เริ่มค้า ขาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในความสามารถในการชำระหนี้กับทางธนาคารและธนาคารสามารถมองเห็นภาพรวมการค้าอย่างชัดเจนพร้อมประเมินความสามารถในการกู้เงินซื้อบ้านกับกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าได้

“อีกหนึ่งหลักฐานสำคัญในการกู้เงินซื้อบ้านสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ พ่อค้า แม่ค้า นั่นคือการรวบรวมบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ บิลซื้อขาย เอกสารเซ็นสัญญา (กรณีเช่าสถานที่ค้าขาย) และรูปแบบทั้งสินค้า และบรรยากาศในการค้าขายเพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้กู้ได้ค้าขายจริง จากนั้นเลือกเปิดบัญชีฝากประจำ เพื่อให้มีรายได้หมุนเวียนในทุกๆ เดือน และเปรียบเสมือนเป็นช่องทางเดินบัญชี (Statement) ที่สม่ำเสมออีกทางเลือกหนึ่ง เสริมความสามารถทางการเงินด้วยความตรงต่อเวลาในการชำระบัตรเครดิตที่จะแสดงถึงความมีวินัยและความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่จะได้รับอนุมัติวงเงินกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย และทั้งนี้ทั้งนั้นกลุ่มผู้กู้ที่ประกอบอาชีพอิสระต้องอย่าลืมให้ความสำคัญกับการออมเงินด้วย”

นางสาวกนกวรรณ ใจศรี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Alternative Channels กลุ่มธุรกิจ Integrated Channels ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ทาวน์โฮม คอนโดมิเนียมในช่วงนี้ นับเป็นโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น เพราะนอกจากบ้านและคอนโดจะราคาดีแล้ว หากใครต้องการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ยังถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เพราะสามารถขอสินเชื่อกับทางธนาคารได้ง่ายขึ้นจากปัจจัย อาทิ ได้ดอกเบี้ยถูก จากการปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อแบบลอยตัวลง เช่น MRR ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทางธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งการที่ดอกเบี้ยต่ำลง ทำให้เรามีต้นทุนการกู้ที่ถูกลง และยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลงเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งตามปกติรายได้ขั้นต่ำของผู้กู้แต่ละรายจะอยู่ที่เดือนละ 15,000บาท แต่ปัจจุบันหากลูกค้ามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ การกู้ร่วมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

โดยนอกจากผู้กู้ร่วมในครอบครัวแล้ว เพื่อตอกย้ำการยอมรับความแตกต่างและอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม ไทยพาณิชย์ยังได้ร่วมมือกับแสนสิริพร้อมช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าทุกกลุ่มที่ต้องการกู้ซื้อบ้านเพื่อสร้างครอบครัวร่วมกันอีกด้วย นอกจากนี้สำหรับคนที่อยากกู้ซื้อบ้านของตัวเองเป็นหลังแรก ช่วงนี้ยังนับเป็นโอกาสดีเพราะอาจขอกู้กับธนาคารได้เต็มมูลค่าบ้านหรือคอนโด (สำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 10 ล้าน) จากเดิมที่สูงสุดได้เพียง 90 - 95% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย ซึ่งธนาคารต้องพิจารณาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น รายได้ อาชีพ ภาระผ่อนหนี้เดิม ประวัติการผ่อนชำระ เป็นต้น

นายเคลวิน ฟู ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเทคนิคของผู้ที่สนใจซื้อบ้าน เพื่อตรวจสอบความพร้อมตนเองด้วยหลักง่ายๆ 5 ข้อ ข้อแรกที่ควรคำนึงคือ การประมาณการความสามารถของลูกค้าเอง โดยคำนวณราคาบ้านให้สอดคล้องกับกำลังที่ตนเองมี โดยปกติไม่ควรเกิน 60% ของรายได้ ข้อที่ 2 ลูกค้าควรเตรียมความพร้อมก่อนยื่นคำขอสินเชื่อบ้าน เช่น การเตรียมเอกสารรายได้/การเดินบัญชีสม่ำเสมอผ่านธนาคารไม่น้อยกว่า 6 เดือน กรณีมีหนี้เดิม ควรชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่มีประวัติการค้างชำระ ลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น เช่น การซื้อสินค้าเงินผ่อน เป็นต้น

ข้อที่ 3 ลูกค้าควรมีการเก็บออมเงินและผ่อนดาวน์ไม่น้อยกว่า 10 - 20% ของราคาบ้าน โดยอาจเก็บออม/ลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น LTF, RMF, SSF, ประกันชีวิตสะสมทรัพย์, กองทุนตราสารทางการเงินอื่น หรือ การลงทุนอื่นๆ เช่น ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เป็นต้น ข้อ 4 กรณีความสามารถไม่เพียงพอ ให้หาผู้กู้ร่วม ส่วนสิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ คือ ลูกค้าควรเลือกบ้านในโครงการที่น่าเชื่อถือ ทำเลที่ต้องการ มีระดับราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ ซึ่งหากลูกค้าพิจารณาตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ก็จะมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสการมีบ้านได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับแผนธุรกิจของแสนสิริในปีนี้

นางสาววรางคณา กล่าวเพิ่มเติมว่า “แสนสิริ ยังมีบริการให้คำแนะนำที่ครอบคลุมถึงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า “Sansiri Home Financial Planner” ภายใต้แคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้” ที่ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากสถาบันการเงินชั้นนำ ที่จะมาร่วมให้คำปรึกษาจะทำให้การซื้อบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อผนึกกับแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ที่ช่วยให้ลูกค้ามีบ้านง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัย สามารถนำเงินไปใช้จ่ายอื่นๆได้ สบายใจได้นานตลอดระยะเวลา 2 ปี เพราะแสนสิริผ่อนให้ ทั้งต้น ทั้งดอก นานสูงสุด 24 เดือน* โดยในปีนี้ได้ขยายความสุข ให้คนไทยได้มี บ้านและคอนโดใน 59 โครงการคุณภาพพร้อมอยู่ทั่วประเทศ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท จะตอบโจทย์ให้คนไทยมีบ้านได้ง่ายที่สุดในปี 64 ผลักดันให้แสนสิริก้าวสู่เป้าหมายยอดขาย 26,000 ล้านบาท และยอดโอน 27,000 ล้านบาทในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้.

Let's block ads! (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( “แสนสิริ” รุกบ้านAffordable อัดแคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้” - ผู้จัดการออนไลน์ )
https://ift.tt/3rc8J3D
บ้าน

Bagikan Berita Ini

0 Response to "“แสนสิริ” รุกบ้านAffordable อัดแคมเปญ “อยากได้บ้าน ต้องได้” - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.