Search

ซัดตร.เลือกปฏิบัติ จอดหน้าบ้านถนนโล่งๆ-โดนล็อกล้อ - เดลีนีวส์


เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ ซอยพหลโยธิน 35 แยก 3 ว่าได้มีตำรวจเข้ามาล็อกล้อรถของประชาชนที่พักอาศัยในพื้นที่ซอยดังกล่าวหลายราย โดยตำรวจอ้างว่า มีคนแจ้งให้จับกุมรถที่จอดในซอยทั้งหมด ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากซอยที่อยู่นั้นเป็นซอยเข้าออกบ้านคนเหมือนซอยปกติทั่วไป ไม่ใช่ถนนใหญ่ หรือมีสัญลักษณ์ห้ามจอดตามกฎหมาย ทั้งที่จอดรถหน้าบ้านพักตัวเองแต่กลับมาล็อกล้อ ทำให้ประกอบกิจการตามปกติทั่วไปไม่ได้ บางบ้านกำลังต่อเติมสร้างบ้านใหม่ ต้องเอารถออกมาจอดเพื่อนำรถปูนเข้าไปเท ก็ยังโดนจับกุมล็อกล้อ ทั้งที่จอดริมรั้วหน้าบ้านตัวเอง

ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า มีการจับกุมล็อกล้อรถยนต์จริง โดยนายเอ (นามสมมุติ) ช่างก่อสร้างไซต์งานก่อสร้างกลางซอย หนึ่งในบุคคลที่ถูกใบสั่งล็อกล้อ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนกำลังทำงานก่อสร้างอยู่ด้านหลัง ได้มีตำรวจแจ้งว่าจะล็อกล้อรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน ตนจึงให้ภรรยาไปบอกว่าอย่าล็อกเพราะกำลังเทปูน หากปูนแห้งแล้วจะเอารถมาเก็บเหมือนเดิม แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังล็อกรถต่อไป โดยอ้างว่า มีคนแจ้งให้จับกุม ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดถึงต้องจับทั้งที่การจอดรถไม่ได้กีดขวางทางถนนจนถึงขนาดรถเข้าออกไม่ได้ อีกทั้งซอยดังกล่าวเป็นเพียงซอยทางลัด วิ่งสวนไปมา 2 เลน เหมือนกับซอยในหมู่บ้านทั่วไป ไม่มีสัญลักษณ์ว่าเป็นถนนใหญ่ หรือมีเครื่องหมายห้ามจอดตามกฎหมาย ทำให้ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และอยากถามว่าต่อไปจะให้ไปจอดที่ไหน หากซอยตัวเอง หน้าบ้านตัวเอง ยังจอดไม่ได้เช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากมีปัญหากับตำรวจในท้องที่ จึงยอมไปจ่ายค่าปรับ 700 บาท เพื่อให้มาปลดเครื่องล็อกล้อออก และหากไม่จำเป็นก็จะไม่นำรถมาจอดที่หน้าบ้านอีก ต่อข้อถามที่ว่าจุดที่จอดไปขวางประตูบ้าน เหมือนกับกรณีป้าทุบรถหรือไม่ นายเอ กล่าวยืนยันว่า ตนจอดรถไว้ริมรั้วที่อยู่ติดหน้าบ้าน ไม่ได้ไปจอดขวางประตูบ้านใคร ท้้งยังจอดรถอยู่แนวเดียวกันเพื่อให้รถผ่านไปมาสะดวก มีภาพถ่ายยืนยันได้ชัดเจน หรือหากเพื่อนบ้านต้องการให้เลื่อนรถเพราะจะใช้พื้นที่จอดทำกิจการอื่น ก็สามารถบอกตนให้มาเลื่อนได้อยู่แล้ว ยืนยันไม่ต้องการมีปัญหากับใครทั้งสิ้น 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับซอยพหลโยธิน 35 แยก 3 นั้นเดิมเป็นซอยตัน ความยาวประมาณ 400 เมตร แต่เมื่อประมาณ 30 ปีก่อนได้มีการเปิดช่องทางให้ทะลุกับถนนรัชดาภิเษกได้ ซึ่งต่อมาทางการได้ให้ชื่อซอยว่า รัชดาภิเษก 46/1 ที่จะอยู่ก่อนถึงปั๊มน้ำมันเชลล์ สามารถใช้เป็นทางลัดไปออกทะลุปากซอยพหลโยธิน 35 ได้ ทำให้มีรถเข้าออกตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงที่มีการเปิดเรียน ผู้ปกครองจะใช้เส้นทางดังกล่าวไปรับส่งบุตรหลานที่โรงเรียนในพื้นที่ ทำให้การจราจรในช่วงเย็นเกิดการติดขัด ชาวบ้านต่างได้รับผลกระทบ กว่าจะเข้าออกบ้านตัวเองได้ต้องรอนานนับชั่วโมง บางครั้งรถติดจนเต็มซอยเข้าออกกันไม่ได้ก็มี แต่ไม่เคยมีหน่วยงานไหนมาช่วยเรื่องการจราจรในจุดดังกล่าว ภายหลังมีการระบาดของโควิด ทางการสั่งให้โรงเรียนปิดเรียนและหันไปสอนออนไลน์ ทำให้ถนนโล่ง ปรากฏว่า บุคคลที่ใช้เส้นทางผ่านส่วนใหญ่ขับรถยนต์ และ จยย. เข้าออกด้วยความเร็วสูง มี จยย.บางคันวิ่งเกิน 60 กม./ชั่วโมง หวิดจะชนชาวบ้านในพื้นที่หลายครั้ง ซึ่งก็ไม่มีหน่วยงานไหนมาดูแลเช่นกัน 

อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ มีการได้แจ้งเรื่องไปยังไลน์กลุ่มของ สน.ท้องที่แล้ว หลังจากพบว่าทางเฟซบุ๊ก สน.ท้องที่ ระบุข้อมูลให้ประชาชนทั่วไปสามารถสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อร้องเรียนติชมและสอบถามปัญหาต่างๆ ได้ โดยถามไปถึง ดุลพินิจของเจ้าพนักงานในการจับกุมล็อกล้อ ว่า ได้ พิจารณาอย่างเหมาะสมแล้วหรือไม่ เพราะถ้าหากหน้าบ้านพักตัวเองจอดรถไม่ได้ หรือจอดรถเพื่อทำภารกิจไม่ได้ แล้วจะให้ไปจอดที่ไหน?

ผู้สื่อข่าวได้ยกตัวอย่าง การจอดรถในซอยแฟลตำรวจ หรือ ซอยวิภาวดีรังสิต 40/2 ที่เชื่อมต่อกับ ซอยคุณหญิงพหลฯ หรือ ซอยงามวงศ์วาน 54  ต่างก็เป็นลักษณะเดียวกันกับซอยที่เจ้าหน้าที่ไปทำการล็อกล้อชาวบ้าน ซึ่งยังพบการจอดรถหนาแน่นหน้าที่พักตัวเองลักษณะเป็นริมถนนเช่นเดียวกัน (สามารถตรวจสอบได้จากกูลเกิลแม็พ) บางคันจอดขวางทางโค้ง ทำให้ชาวบ้านผ่านเข้าออกเลี้ยวลำบาก บางคันจอดสองฝั่งจนรถผ่านไปได้เพียงคันเดียว บางครั้งมีรถไปจอดบนฟุตปาธที่อยู่ด้านหลังพื้นที่ กองบัญชาการศึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถเจ้าหน้าหรือญาติที่พักอาศัยในแฟลตดังกล่าว แต่ก็ไม่มีการจับกุมล็อกล้อเช่นกัน เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่.

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( ซัดตร.เลือกปฏิบัติ จอดหน้าบ้านถนนโล่งๆ-โดนล็อกล้อ - เดลีนีวส์ )
https://ift.tt/3hbVPQX
บ้าน

Bagikan Berita Ini

0 Response to "ซัดตร.เลือกปฏิบัติ จอดหน้าบ้านถนนโล่งๆ-โดนล็อกล้อ - เดลีนีวส์"

Post a Comment

Powered by Blogger.