การอัปเดตบ้านอัจฉริยะของ Apple จาก WWDC 2021 - www.thaifrx.com

แอปเปิ้ล แนะนำคุณสมบัติใหม่หลายประการสำหรับความคิดริเริ่มของบ้านอัจฉริยะในการประชุม WWDC ประจำปี รวมถึงวิธีปลดล็อกประตูหน้าของคุณด้วย iPhone ผ่านคีย์ดิจิทัลในแอพ Wallet

แต่ Apple กำลังใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากบ้านอัจฉริยะมากกว่าที่ใช้กับแพลตฟอร์มหลัก เช่น iOS และ MacOS ซึ่งบริษัทสร้างฮาร์ดแวร์และควบคุมซอฟต์แวร์

กลยุทธ์บ้านอัจฉริยะของ Apple อาศัยการสนับสนุนอย่างมากจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นให้นำแพลตฟอร์ม HomeKit ของ Apple มาใช้ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดความซับซ้อนของกระบวนการรับอุปกรณ์จากบริษัทต่างๆ มาทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

ตัวอย่างเช่น Apple ไม่ได้เปิดตัวสมาร์ทล็อคที่มีตราสินค้า Apple แต่ส่งเสริมการล็อคอัจฉริยะที่ใช้ซอฟต์แวร์ของ Apple และรวมเข้ากับแอป Home และ Wallet ของ iPhone อย่างแน่นหนา อุปกรณ์ที่รองรับ HomeKit อื่นๆ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ กล้องวิดีโอ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว กริ่งประตู และไฟ

สำหรับ Apple กลยุทธ์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวางตำแหน่ง iPhone และ Apple Watch ให้เป็นตัวควบคุมสำหรับฟังก์ชั่นภายในบ้านที่หลากหลาย ทำให้พวกเขามีค่ามากขึ้นสำหรับลูกค้าปัจจุบันและกีดกันไม่ให้เปลี่ยนไปใช้โทรศัพท์ Android เมื่อถึงเวลาอัพเกรด กลยุทธ์สมาร์ทโฮมของ Apple ยังช่วยเพิ่มยอดขาย Apple TV หรือ HomePod ได้ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้สามารถใช้เป็นฮับของบ้านอัจฉริยะได้

บางทีการประกาศบ้านอัจฉริยะที่ใหญ่ที่สุดที่ WWDC สำหรับ iOS 15 ซึ่งจะเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็คือ Apple กล่าวว่ามีแผนที่จะเปิด Siri ซึ่งเป็นผู้ช่วยเสียงเพื่อทำงานกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมของบุคคลที่สามเช่น ตัวควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะของ Ecobee ปลายปีนี้ ในไม่ช้าผู้ใช้จะสามารถพูดว่า “หวัดดี Siri” กับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ของ Apple ได้ ซึ่งตรงกับความสามารถที่ Googleผู้ช่วยและ อเมซอน Alexa มีความสามารถอยู่แล้ว

“ในขณะที่เราไม่เชื่อว่า Siri เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple แต่เราเชื่อว่าการขยาย Siri ไปยังอุปกรณ์ของบริษัทอื่นสามารถช่วยขับเคลื่อนการใช้ Siri และช่วยสนับสนุนการผลักดันของ Apple สู่ตลาดสมาร์ทโฮม นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank Sidney Ho เขียนไว้ในบันทึกย่อในสัปดาห์นี้

ผ่านอุปกรณ์ของบริษัทอื่นที่รองรับ เช่น Smart Thermostat ผู้ใช้สามารถโทรหา Siri และส่งข้อความ เพิ่มการเตือนความจำ และแม้กระทั่งใช้ iPhone, Apple Watch และ HomePod ของสมาชิกในครอบครัวเป็นอินเตอร์คอม

มีสิ่งหนึ่งที่จับได้ – คุณลักษณะนี้ต้องใช้ HomePod หรือ HomePod mini โดยพื้นฐานแล้ว แกดเจ็ต Siri ของบริษัทอื่นจะส่งข้อความไปยัง HomePod เพื่อประมวลผล

คุณสมบัติ Home Key ของ Apple ในแอป Wallet

แอปเปิ้ล

นอกจากนี้ Apple ยังอนุญาตให้ผู้ใช้ปลดล็อกประตูหน้าหรือโรงรถด้วย iPhone หากผู้ใช้ติดตั้งสมาร์ทล็อคที่เข้ากันได้ แม้ว่า Apple จะไม่ประกาศอุปกรณ์ใด ๆ ในสัปดาห์นี้ แต่ก็มีการแสดงสไลด์ที่ระบุว่าผู้จำหน่ายล็อคชั้นนำเช่น Schlage และ Aqara จะรองรับคุณสมบัตินี้

นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตที่เล็กกว่าและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ผู้ใช้จะประทับใจ HomeKit สามารถใช้ Siri เพื่อกำหนดเวลากิจกรรม เช่น การเปิดไฟอัจฉริยะทุกวันเวลา 7.00 น. กล้องสามารถระบุได้ว่าเมื่อใดที่พัสดุถูกจัดส่ง ผู้ใช้สามารถตรวจสอบกล้อง HomeKit บน Apple TV ในโหมดเต็มหน้าจอ และเปิดไฟหรือเปิดใช้งานอุปกรณ์อื่นๆ ในฉากได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ Apple ได้เริ่มรวมหนึ่งในคุณสมบัติหลักของบ้านอัจฉริยะเป็นบริการแบบชำระเงิน กล้องเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่สำคัญที่สุด และ Apple พึ่งพาความเป็นส่วนตัวอย่างมากเพื่อให้โดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่าง Amazon’s Ring โดยสังเกตว่าจะจัดเก็บฟุตเทจดิบในรูปแบบส่วนตัวที่เข้ารหัสบน iCloud ที่เรียกว่า HomeKit Secure Video

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากคุณสมบัตินี้ ผู้ใช้จะต้องสมัครใช้บริการ iCloud ระดับบน ซึ่งมีค่าใช้จ่าย $9.99 ต่อเดือนสำหรับพื้นที่เก็บข้อมูล 2TB และต่างจาก Amazon ตรงที่ Apple ไม่ได้ผลิตกล้องอัจฉริยะของตัวเอง แต่อาศัยพันธมิตรอย่าง Logitech

สำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่น 50 ราย ซึ่งสนับสนุนคุณสมบัติเหล่านี้ HomeKit ช่วยให้พวกเขาเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ร่ำรวยโดยทั่วไปโดยไม่ต้องทำงานด้านเทคนิคอย่างหนักเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันพื้นฐาน แต่ก็หมายความว่าต้องมีส่วนร่วม participate โปรแกรมอุปกรณ์เสริม MFi ของ Appleซึ่งหมายความว่า Apple สามารถควบคุมสิ่งที่พวกเขาเปิดตัวผ่านสัญญาโปรแกรมได้

แอปเปิ้ล บอกว่าสัปดาห์นี้กำลังหนุน Matterซึ่งเป็นมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อให้อุปกรณ์สมาร์ทโฮมทำงานร่วมกันได้ และ Apple กล่าวว่ามีส่วนสนับสนุนโค้ด HomeKit แบบโอเพนซอร์ส Amazon, Google และ Samsung ก็มีส่วนร่วมในมาตรฐานนี้เช่นกัน

ในเซสชั่นวิดีโอเมื่อวันพฤหัสบดี วิศวกรของ Apple กล่าวว่าเป้าหมายของ Matter คือเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์สมาร์ทโฮมยังคงใช้งานร่วมกันได้เป็นเวลาหลายปี และทำให้การพัฒนาอุปกรณ์และแอพใหม่ง่ายขึ้น สำหรับนักพัฒนา โค้ด HomeKit จะทำงานกับ Matter ได้โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ Apple กล่าว

Adblock test (Why?)