ระดมบ้านบางระจัน - พล.อ.ประยุทธ์ - ไทยรัฐ

ทั้งๆที่พญามัจจุราช ไวรัสมรณะโควิด-19 ล้อมบ้านล้อมเมือง วิกฤตการณ์โรคระบาดทำคนตายรายวันยอดสะสมจ่อทะลุหลัก 2 พันศพ สัญญาณร้ายระบบสาธารณสุขใกล้ล่ม แพทย์ใหญ่ส่งสัญญาณวิกฤติเกินกำลัง โรงพยาบาลล้น ห้องไอซียูเต็ม โรงพยาบาลสนามแน่นเอี้ยด ต้องให้คนป่วยนอนรักษาตัวเองอยู่กับบ้าน

ข่าวแนะนำ

สถานการณ์ถึงจุดหมอต้องเลือกให้ใครไปต่อ ใครต้องกลับบ้านเก่า อีกด้านวิกฤติเศรษฐกิจปากท้อง ประชาชนรากหญ้ากำลังใกล้อดตาย คนหาเช้ากินค่ำขาดรายได้ เพราะมาตรการล็อกดาวน์แบบลักลั่นของรัฐบาล เจ็บแล้วเจ็บอีก แต่ไม่จบ

ร้านอาหาร นวด สปา ธุรกิจขนาดเล็ก เจ๊งระเนระนาด มันคือความผิดพลาดในเชิงบริหารจัดการของรัฐบาลภายใต้การนำของ “บิ๊กตู่” ผู้รับบท “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ต้องเหมาเสียงด่าแบบเพียวๆไม่มีข้ออ้างใดๆ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบ อ้างสถานการณ์เหมือนกันทั้งโลก

ตามฟอร์มแบบที่พี่รองอย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต้องโผล่จากฉากหลังมาช่วยประคอง พล.อ.ประยุทธ์ ผ่องแรงกระแทกหนักๆ

ตีกรรเชียงตามสไตล์ถนัด อ้างโควิด-19 เป็นเรื่องที่ซับซ้อนแก้ไขยาก รัฐบาลก็ทำการแก้ไขไปตามสถานการณ์แพร่ระบาด ปัญหาเรื่องวัคซีน การรักษาก็เกิดขึ้นกับประเทศชั้นนำทั่วโลก

นั่นยิ่งเปิดช่องให้ “บิ๊กตู่” โดนย้อนคอหอย โรคระบาดเหมือนกัน แต่ “ศักยภาพผู้นำ” ไม่เท่ากัน มันเห็นกันตรงหน้าชัดๆแบบที่ไทยสร้างสถิติแซงหน้ามหาอำนาจจีน ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อสูงกว่าแผ่นดินใหญ่ ล่าสุดก็ปาดหน้าประเทศอินเดีย เมื่อเทียบอัตราส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่กับจำนวนประชากร

สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี คนติดเชื้อไม่ลด แต่การฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันหมู่มีประสิทธิภาพ ทำคนป่วยไม่หนัก คนตายลดลง สามารถเปิดเมืองให้เศรษฐกิจเดินหน้า

เพื่อนบ้านอาเซียน สิงคโปร์ฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ครอบคลุม บล็อกการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เวียดนามดันจีดีพีโตทะลุ 6.6 เปอร์เซ็นต์ เศรษฐกิจโชติช่วงท่ามกลางโควิดระบาด

แต่ที่น่าเขินอาย แม้แต่ชาติที่ถูกมองว่าล้าหลังอย่างประเทศลาว ประชากรประเทศเขาได้ฉีดวัคซีนหลากยี่ห้อ ทั้งแอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ ซิโนฟาร์ม สปุตนิกวี ฯลฯ

เทียบกับคนไทยกว่า 64 ล้านคน ยังแหงนคอรอคอยวัคซีน “เข็มแรก” ลุ้นเอสเอ็มเอสแจ้ง “ข่าวดี” ให้ไปรับวัคซีน หรือ “ข่าวร้าย” เลื่อนคิวที่จองไว้จนกว่าวัคซีนจะมา ตามความหวังลอยๆ ทำได้แค่คอยผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ นับนิ้ว โชว์ดีล “วัคซีนทิพย์” ที่จองไว้สารพัดยี่ห้อ

ตัวเลขกลมๆกับคำพูดผู้นำที่เครดิตความเชื่อมั่นแทบไม่เหลือ กับ “ลูกมั่ว” ลุยถั่วไล่แก้ปัญหากัน “หน้างาน” ฮัมเพลง Take Me Home Country Roads ยึกๆยักๆตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องมาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพฯและจังหวัดโซนแดงเข้ม

ประกาศปิดแคมป์คนงานก่อสร้างล่วงหน้าเป็นวันๆก่อนที่จะส่งทหารไปล็อก ไม่ทันคนงานที่กลัวอดตายหนีกลับบ้าน รถติดหนึบถนนสายอีสาน เหมือนเทศกาลสงกรานต์

ล้อวิสัยทัศน์ “บิ๊กป๊อก” ระบายคนออกจากกรุงเทพฯ กลับไปนอนป่วยโรงพยาบาลต่างจังหวัด ลดโหลดกรุงเทพฯที่มีปัญหาโรงพยาบาลล้น กระจายคลัสเตอร์ไปทุกหัวเมือง

แก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินง่ายๆ อุดตรงนี้ โผล่ตรงนั้น นั่นก็ไม่ต้องพูดถึงการลงลึกรายละเอียด ปมอันตราย ความเสียหายใหญ่หลวงที่จะตามมากับการแก้ปัญหา “หน้างาน” ชั้นเดียว ตามคำเตือนเสียวๆของผู้รู้ในวงการก่อสร้าง การปิดแคมป์คนงานก่อสร้างจะส่งผลต่อเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะงานขุดอุโมงค์ใต้ดินรถไฟฟ้า ที่มีเรื่องเทคนิคโครงสร้างดินเหนียว ถ้าหยุดดำเนินการจะทำให้เกิดปัญหาดินหดตัว เสี่ยงกระทบโครงสร้างความปลอดภัย เพิ่มความยากและงบประมาณในงานก่อสร้าง

สรุปมาตรการล็อกดาวน์แบบยึกๆยักๆ ปิดแคมป์คนงานแบบลักปิดลักเปิด มันก่อผลเชิงลบมากกว่าจุดประสงค์เชิงบวก ไม่ได้ผลในการสกัดเชื้อไวรัส แล้วยังเสียหายเพิ่มในมุมของเมกะโปรเจกต์

ทั้งหมดทั้งปวง ด้วยมาตรฐานการบริหารแบบเราต้องช่วยกันนะจ๊ะ เราต้องรอดไปด้วยกันนะจ๊ะ นับวันความเสียหายจากมหาวิกฤติโควิด ทั้งชีวิตประชาชนคนไทยและเศรษฐกิจของชาติที่ดิ่งเหว แพ้ยับสงครามโควิด มันเกินกำลังผู้นำที่ประกาศ “ข้าพเจ้ารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ตื๊อลากยื้อไปยิ่งสาหัส

โอกาสรอด คงต้องหวังปาฏิหาริย์ “วิญญาณชาวบ้านบางระจัน” ช่วยปกป้องชาติไทย ระดมขุนอาสา ตั้งป้อมค่าย กู้บ้านกู้เมือง.

ทีมข่าวการเมือง

Adblock test (Why?)