วันอาทิตย์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทด้านวิจัยและพัฒนาในเครือบริษัท แอล. พี. เอ็น ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันว่าหลังการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้มีการพัฒนาการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของประชาชนภายใต้วิถีชีวิตปกติใหม่(New Normal) ซึ่งกลายเป็นวิถีชีวิตในปัจจุบัน (Now Normal) โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย การออกแบบพื้นที่ใช้สอยและวัสดุ (Function & Material) ที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยและเป็นมิตรกับชีวิตและสิ่งแวดล้อม, การออกแบบโดยให้ความสำคัญกับสุขอนามัย (Health) และ การนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยี Internet of Thinks (IoTs) และอุปกรณ์อัจฉริยะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
จากการประเมินของ IDC สถาบันวิจัยด้านการตลาดของสหรัฐฯ ระบุว่า จำนวนอุปกรณ์ Smart Residence ของโลก มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 31% ต่อปี จากจำนวน644 ล้านเครื่อง ในปี 2561 จะเพิ่มเป็น 1,300 ล้านเครื่อง ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า เท่าตัวภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ขณะที่ A.T.Kearney ระบุว่า มูลค่าตลาดของ SmartResidence ทั่วโลกจะอยู่ที่ 263,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 8.4 ล้านล้านบาทในปี 2568 โดยผลการศึกษายระบุว่า Smart Residence ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับ2 หมวดหลักๆ คืออุปกรณ์ที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต และอุปกรณ์ที่ตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัย ขณะที่ บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ตนิว เอร่า บิซิเนส มีเดียจำกัด ศึกษาการเติบโตของตลาด SmartResidence ในประเทศไทยระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ Smart Home ของประเทศไทยในปี 2559 มีมูลค่า 645 ล้านบาท และเพิ่มมากกว่าเท่าตัวในปี 2563 โดยมีมูลค่าอยู่ที่2,500 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 40% ต่อปีโดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Smart Residence เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ เติบโตสูงสุด 60% และผลิตภัณฑ์ Smart Home เพื่อการรักษาความปลอดภัยจะเติบโตเป็นอันดับสองคือ 45% ต่อปี
ผลการสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วโลกให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยเข้ามาใช้ในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในรูปแบบของบ้านอัจฉริยะหรือ Smart Residence มากขึ้นรวมทั้งพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้การอยู่อาศัยมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
จากการวิจัยของทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ “ลุมพินี วิสดอม” พบว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึง 3 ปัจจัย ประกอบด้วย พื้นที่ใช้สอยและวัสดุ(Function & Material), การออกแบบโดยให้ความสำคัญกับสุขอนามัย (Health) และ เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย (Smart Living Technology) โดยที่ Smart Residence เป็น 1 ใน 3 ปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
“Smart Residence ถูกพัฒนาไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยี 5G เพื่ออำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย และตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากปัจจัยเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคตแล้ว การพิจารณาข้อดีและข้อเสียในการเลือกที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีที่เสถียรในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable Price) อย่างเหมาะสมและสมดุลกับตนเอง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ฉลาดซื้อ (Smart Life) ได้ในทุกมิติอย่างแท้จริง” ประพันธ์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม


https://ift.tt/3BfIUVF
บ้านอัจฉริยะ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "'บ้านอัจฉริยะ' ตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัย สุขอนามัย และเทคโนโลยี ในยุคหลัง COVID-19 - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment