Polk Audio (โพล์ค ออดิโอ) แบรนด์ผู้ผลิตลำโพงชื่อดังจากสหรัฐอเมริกาเปิดตัวลำโพงสายเลือดใหม่ใช้ชื่อรุ่นว่า Reserve Series (รีเสิร์ฟ ซีรีส์) โดยเปิดตัวในต่างประเทศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ลำโพงรุ่นใหม่นี้มีอะไรน่าสนใจหลายอย่างครับ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนและสะดุดตามากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นตัวไดรเวอร์หรือตัวขับเสียงที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับตัวขับเสียงที่ใช้อยู่ในลำโพงรุ่นเรือธงอย่าง Polk Audio Legend Series ทว่าลำโพงรุ่น Reserve Series ตั้งราคาเอาไว้ย่อมเยากว่ากันมากเพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบเสียงจากระบบลำโพงแยกชิ้นคุณภาพสูงสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
เทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจาก DNA เดียวกัน
Polk Audio Reserve Series ประกอบไปด้วยลำโพงทั้งหมด 9 รุ่น แบ่งเป็นลำโพงวางขาตั้ง 2 รุ่น (R100, R200) ลำโพงเซ็นเตอร์ 3 รุ่น (R300, R350, R400) ลำโพงตั้งพื้น 3 รุ่น (R500, R600, R700) และลำโพง Height Module สำหรับใช้งานในโฮมเธียเตอร์ที่ตั้งใจเซ็ตอัปเป็นระบบเสียง Dolby Atmos
ลำโพง Reserve Series ทุกรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีตัวขับเสียงที่ได้รับมาจากลำโพงรุ่น Legend Series ไม่ว่าจะเป็นทวีตเตอร์ ‘Pinnacle Ring Radiator Tweeter’ ขนาด 1 นิ้ว ที่ตามสเปคฯ ของผู้ผลิตเขาว่าสามารถตอบสนองความถี่สูงได้ไกลถึง 50kHz จึงทำให้ลำโพง Reserve Series ทั้งหมดได้รับการรับรองมาตรฐาน Hi-Res Audio อย่างเป็นทางการ ยืนยันว่าพร้อมถ่ายทอดรายละเอียดจากระบบเสียงดิจิทัลรายละเอียดสูงสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว


อีกหนึ่งเทคโนโลยีตัวขับเสียงใน Reserve Series ที่ได้มาจาก Legend Series ก็คือ ตัวขับเสียงกลาง/ทุ้มหรือไดรเวอร์เบส/มิดเรนจ์ ที่เป็นดีไซน์แบบ ‘Turbine Cone’ ตัวกรวยลำโพงหรือไดอะแฟรมเป็นวัสดุพิเศษที่มีแกนกลางเป็นเนื้อโฟมพิเศษของ Polk เอง นอกจากนั้นยังขึ้นรูปพื้นผิวให้เป็นสันที่มีลักษณะเหมือนกับกังหันแทนที่จะเป็นเนื้อกรวยผิวเรียบ ๆ
การออกแบบเช่นนี้ทาง Polk คุยว่าเป็นการช่วยเพิ่มความแกร่งโดยไม่เพิ่มมวลให้กับตัวไดอะแฟรม ส่งผลให้ตัวไดรเวอร์สามารถถ่ายทอดรายละเอียดเสียงได้อย่างราบรื่นและแม่นยำ เนื่องจากตัวไดอะแฟรมไม่เกิดการบิดตัวหรือเสียรูปอย่างรุนแรงในระหว่างขยับตัว

นอกจากนั้นลำโพง Reserve Series รุ่นที่เป็นระบบตู้เปิด ยังมีท่อเปิดดีไซน์พิเศษที่มีชื่อว่า ‘X-Port’ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการออกแบบลำโพงของทาง Polk เอง ท่อเปิดตัวนี้มีหน้าตาที่ดูแปลกไปจากท่อเปิดในลำโพงทั่วไป มันดูเหมือนเป็นไดรเวอร์อีกตัวหนึ่งมากกว่าเป็นท่อเปิด
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าตัวท่อเปิดของเขามีโครงสร้างแบบ Eigentone Filter (ETF) ที่ทางผู้ผลิตเขาบอกว่ามันช่วยลดความเพี้ยนที่เกิดจากการไหลวนของมวลลมในท่อเบสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้เสียงทุ้มที่มีความหนักแน่น ตอบสนองความถี่ต่ำลงได้ลึกมากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาตรตัวตู้ และยังสามารถถ่ายทอดรายละเอียดได้อย่างไม่คลุมเครือในเวลาเดียวกัน
First Impression
ลำโพง Polk Audio Reserve Series รุ่นที่ผมนำมาลองใช้งานเป็นชุดลำโพงสำหรับระบบเสียงโฮมเธียเตอร์ขนาดย่อม ๆ ประกอบไปด้วยลำโพงวางขาตั้งรุ่น R100, ลำโพงตั้งพื้นรุ่น R500 และลำโพงเซ็นเตอร์รุ่น R300 โดยลำโพงชุดนี้มีจุดเด่นตรงที่มันใช้ตัวขับเสียงหรือไดรเวอร์ที่เหมือนกันทั้งหมดเลยครับ ทั้งดีไซน์และขนาดของตัวไดรเวอร์
จุดเด่นประการแรกหลังจากที่ได้สัมผัสตัวจริงของลำโพงชุดนี้ ต้องชมเชยว่าเนื้องานของเขาดีมาก วัสดุเกรดดี งานประกอบแน่นหนาและประณีตเรียบร้อยดีมาก ผิวลายไม้วอลนัทที่เป็นผิวสังเคราะห์เกรดดีก็ดูดีคล้ายผิวลายไม้จริง ๆ การออกแบบตัวลำโพงทั้งหมดเป็นลำโพงที่มีดีไซน์แบบหน้าแคบ ท้ายลึก มุมตู้ลำโพงมีลักษณะโค้งมน และมีขนาดค่อนข้างกะทัดรัดดูทันสมัย
ลำโพงที่มีดีไซน์ลักษณะนี้สามารถคาดเดาได้ว่าเขาตั้งใจออกแบบให้ตัวลำโพงมีมุมกระจายเสียงกว้าง และลดการสะท้อนของคลื่นที่ผิวหน้าของตู้ลำโพง


ลำโพง Polk Audio Reserve Series ทั้ง 3 รุ่นที่ผมได้นำมารีวิวนี้มาพร้อมกับขั้วต่อสายลำโพงแบบซิงเกิ้ลไวร์ ใช้ขั้วต่อแบบไบดิ้งโพส 5 ทางเคลือบผิวด้วยนิเกิ้ล ติดตั้งในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวกไม่ว่าจะใช้ขั้วต่อสายลำโพงแบบหางปลา (ขันหนีบ), ขั้วต่อแบบบานาน่า (เสียบท้าย) หรือแม้แต่สายลำโพงแบบปอกเปลือย
อีกหนึ่งข้อสังเกตคือ การยึดตัวขับเสียงในลำโพง Reserve Series ไม่มีหัวสกรูโผล่มาให้เห็นเลย ทำให้หน้าตู้ลำโพงเวลาเปิดหน้ากากโชว์ดูดีสะอาดตาไม่มีรอยสกรู หรือรูของหมุดยึดหน้ากากลำโพงมาเกะกะสายตาเลย อย่างตัวหน้ากากนี่ก็เป็นระบบยึดด้วยแรงแม่เหล็กใช้งานสะดวกมาก ๆ ครับ
ที่มุมทั้ง 4 ใต้ตู้ลำโพง R100 และ R300 มีแผ่นยางบาง ๆ ติดเอาไว้ให้ สามารถวางบนชั้นวางผิวเรียบหรือขาตั้งลำโพงได้เลย ในกรณีที่แผ่นเพลตบนของขาตั้งลำโพงไม่พอดีกันก็สามารถแกะแผ่นยางนี้ออกเพื่อวางบนดินน้ำมันอย่างบลูแท็คได้

สำหรับลำโพงตั้งพื้น R500 ที่ฐานตู้มีขาโลหะยึดที่มุมทั้ง 4 เพื่อเพิ่มความความนิ่งความเสถียรให้กับลำโพงที่มีพื้นที่หน้าตัดแคบ ๆ โดยที่ขาโลหะแต่ละมุมยังมีเดือยยางเนื้อแข็งสำหรับจิกพื้น ซึ่งด้วยความที่เป็นเนื้อยางทำให้ปลอดภัยกับพื้นผิวที่เป็นรอยง่าย
และความยืดหยุ่นของเนื้อยางจะช่วยทำหน้าที่แดมปิ้งลดความสั่นสะเทือนไปในตัว แต่อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ปูพรมหนาเพราะจะทำให้ลำโพงโคลงไปมาได้ง่าย เดือยยางเหล่านี้ยังสามารถหมุนปรับระดับได้ ทำให้สามารถปรับตั้งลำโพงให้วางได้ฉากหรือวางทำมุมกับพื้นห้องได้ตามชอบใจ
เซ็ตอัประบบเสียงรอบทิศทาง
ลำโพง Polk Audio Reserve Series รุ่น R100 ออกแบบเป็นลำโพงวางขาตั้ง 2 ทาง 2 ตัวขับเสียง ในลำโพงแต่ละข้างประกอบไปด้วยทวีตเตอร์ ‘Pinnacle Ring Radiator Tweeter’ ขนาด 1 นิ้ว และเบส/มิดเรนจ์ ‘Turbine Cone’ ขนาด 5.25 นิ้ว โดยมีจุดตัดแบ่งความถี่เสียงอยู่ที่ 2.7kHz ช่วงตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 44Hz-50kHz (58Hz-39kHz, -3dB) อิมพิแดนซ์เฉลี่ย 8 โอห์ม (ต่ำสุด 3.6 โอห์ม) ความไว 86dB แนะนำให้ใช้กับแอมป์ที่มีกำลังขับตั้งแต่ 30-150 วัตต์

สำหรับลำโพงตั้งพื้นรุ่น R500 ออกแบบเป็นลำโพงตั้งพื้นทรงทาวเวอร์ขนาดย่อม เป็นลำโพง 2 ทาง 3 ตัวขับเสียง ในลำโพงแต่ละข้างประกอบไปด้วยทวีตเตอร์ ‘Pinnacle Ring Radiator Tweeter’ ขนาด 1 นิ้ว และเบส/มิดเรนจ์ ‘Turbine Cone’ ขนาด 5.25 นิ้ว จำนวน 2 ตัว โดยมีจุดตัดแบ่งความถี่เสียงอยู่ที่ 2.5kHz ช่วงตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 32Hz-50kHz (49Hz-39kHz, -3dB) อิมพิแดนซ์เฉลี่ย 8 โอห์ม (ต่ำสุด 3.9 โอห์ม) ความไว 87dB แนะนำให้ใช้กับแอมป์ที่มีกำลังขับตั้งแต่ 25-200 วัตต์
ความพิเศษของลำโพงรุ่น R500 คือนอกจากได้รับการรับรองมาตรฐาน Hi-Res Audio แล้ว ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน IMAX Enhanced ด้วย เรียกว่าตั้งใจให้ตอบโจทย์ได้ดีทั้งดูหนังและฟังเพลงเลยทีเดียว ลำโพงรุ่นนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับลำโพงรุ่น R900 ซึ่งเป็นลำโพงประเภท Height Speaker ให้วางบนตัว R500 แล้วยิงเสียงขึ้นด้านบนสำหรับสร้างเอฟเฟ็กต์เสียงในระบบเสียง Dolby Atmos
สำหรับลำโพงเซ็นเตอร์รุ่น R300 ออกแบบเป็นลำโพงระบบตู้ปิด 2 ทาง 3 ตัวขับเสียง ประกอบไปด้วยทวีตเตอร์ ‘Pinnacle Ring Radiator Tweeter’ ขนาด 1 นิ้ว และเบส/มิดเรนจ์ ‘Turbine Cone’ ขนาด 5.25 นิ้ว จำนวน 2 ตัว โดยมีจุดตัดแบ่งความถี่เสียงอยู่ที่ 2.2kHz ช่วงตอบสนองความถี่ตั้งแต่ 45Hz-50kHz (65Hz-39kHz, -3dB) อิมพิแดนซ์เฉลี่ย 8 โอห์ม (ต่ำสุด 3.8 โอห์ม) ความไว 87dB แนะนำให้ใช้กับแอมป์ที่มีกำลังขับตั้งแต่ 30-200 วัตต์
เป็นที่น่าสังเกตว่าลำโพงเซ็นเตอร์รุ่นนี้ตั้งใจออกแบบมาเป็นลำโพงแบบตู้ปิด แสดงว่าทาง Polk เองค่อนข้างให้ความสำคัญกับความแม่นยำและความสะอาดของเสียงมากเป็นพิเศษ
สำหรับลำโพงชุดนี้ ที่น่าสนใจคือทั้งหมดนอกจากใช้ไดรเวอร์แบบเดียวกันแล้ว ยังมีขนาดเท่ากันหมดเลย ดังนั้นในระบบเสียงรอบทิศทางก็ไม่ต้องกังวลเลยครับว่าเสียงมันจะไม่กลมกลืนกัน ทำให้การเซ็ตอัปทำได้ง่ายมากขึ้นไปอีก
อีกส่วนคือลำโพงชุดนี้มีอิมพิแดนซ์เฉลี่ยที่ 8 โอห์ม ต่ำสุดประมาณ 3 โอห์มกว่าเกือบ 4 โอห์ม ความไวก็ 80 กว่า เกือบ 90 เดซิเบล ถือว่าเป็นลำโพงที่ขับค่อนข้างง่าย หาแอมป์มาขับได้ค่อนข้างไม่ยากเย็นนัก ในห้องขนาดเล็กถึงปานกลางแอมป์ที่มีกำลังขับประมาณ 30-50 วัตต์ต่อแชนเนลถือว่าใช้งานได้แล้ว
ซึ่งในรีวิวนี้ผมเลือกใช้เอวีรีซีฟเวอร์ Marantz NR1711 โดยตั้งค่าลำโพง R500 ซึ่งเป็นลำโพงคู่หน้าให้เป็น ‘Large’ ส่วนลำโพงเซ็นเตอร์ R300 และลำโพงคู่หลัง R100 เป็นลำโพง ‘Small’ สำหรับลำโพงแอคทีฟซับวูฟเฟอร์ที่นำมาเสริมในลำโพงรอบทิศทางชุดนี้ผมเลือกใช้ Polk Audio รุ่น HTS12 ตั้งจุดความถี่ในระบบ bass management ของเอวีรีซีฟเวอร์เอาไว้ที่ 80Hz ลำโพงทั้งหมดผ่านการรันอินต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ที่ตัวเอวีรีซีฟเวอร์เปิดใช้งานระบบเสียง Dolby Atmos Height Virtualization เพื่อจำลองเสียง 7.1ch มาใช้กับลำโพง 5.1ch
คุณภาพเสียง (ดูหนัง)
ก่อนอื่นต้องบอกว่าสิ่งที่ชัดเจนมากในลำโพงชุดนี้ก็คือ สมดุลของเสียงที่ออกไปทางนุ่มนวลฟังสบายหู มากกว่าเสียงที่คมชัดดุดันหรือรุกเร้า เป็นลำโพงที่ฟังทีแรกไม่ถึงกับตื่นเต้นมากนักแต่ฟังได้นานไม่ล้าหูเลย อีกหนึ่งจุดเด่นคือเป็นลำโพงที่เสียงกว้างมาก
ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การวางลำโพงเอาไว้ห่าง ๆ จากกันเพื่อให้ได้เสียงที่กว้าง แต่หมายถึงมุมกระจายเสียงของตัวลำโพงซึ่งสามารถแผ่คลื่นเสียงออกมาได้ในมุมที่เปิดกว้าง เป็นอิสระ และหลุดลอยออกมาจากตัวตู้ลำโพงเอง สังเกตว่าหลายเสียงที่ได้ยินมันหลุดลอยออกจากลำโพงไปได้ง่ายมาก เหมือนกับว่าในระบบมีลำโพงหลักมากกว่า 5 ตัว
Polk Audio Reserve Series ชุดนี้โดยเฉพาะชุดลำโพงหน้า เป็นลำโพงที่รายละเอียดเสียงเบา ๆ ได้ดีเยี่ยม เสียงกระซิบ เสียงพึมพำในไดอะล็อก หรือเสียงเอฟเฟ็กต์เล็ก ๆ น้อย ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างหมดจดโดยไม่จำเป็นต้องเปิดดัง

ขณะที่บางฉากภาพยนตร์ซึ่งมีเสียงดังอึกทึกโพล่งขึ้นมา มันก็สามารถปลดปล่อยพลังงานเหล่านั้นออกมาได้แบบไม่ต้องพยายาม คือมันปลดปล่อยออกมาได้อย่างรวดเร็วฉับไว บางฉากผมคิดไม่ถึงเลยว่าไดรเวอร์ขนาดเท่าฝ่ามือชุดนี้จะให้เสียงสอดประสานกับซับวูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้วได้อย่างกลมกลืน
ใครชอบดูภาพยนตร์ ผมเชื่อว่าลำโพงเซ็นเตอร์ R300 สามารถทำหน้าที่ของมันได้น่าประทับใจคนส่วนใหญ่ ในภาพยนตร์เรื่อง A Star Is Born (iTunes Movie, 4K Dolby Vision, Dolby Atmos) เสียงสนทนาจากชุดลำโพงหน้าโดยเฉพาะตัวเซ็นเตอร์ ฟังดูเป็นอิสระจากเสียงเอฟเฟ็กต์หรือเสียงแอมเบี๊ยน (บรรยากาศแวดล้อม) ต่าง ๆ ได้ดีมาก หลายฉากในบาร์หรือไนต์คลับเสียงที่ถ่ายทอดออกมาให้ความรู้สึกเหมือนผมนั่งอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของสถานที่นั้น ๆ ด้วย
แม้จะเป็นลำโพงที่ให้เสียงเปิดเผย กระจ่างชัด แต่เสียงจาก Reserve Series ไม่มีลักษณะของความก้าวร้าวหรือรุกเร้าจนไม่เป็นมิตรกับโสตประสาทเลย ตรงกันข้ามผมว่ามันเป็นลำโพงรายละเอียดดี สะอาด และกระจ่างชัด ที่ให้เสียงฟังง่ายสบายหูด้วยในเวลาเดียวกัน ทำให้เวลาชมภาพยนตร์โดยเฉพาะแนวแอคชันที่มีเอฟเฟ็กต์เสียงดุดัน หลายครั้งที่ผมอินกับการรับชมโดยไม่ได้สนใจตัวลำโพงที่วางล้อมอยู่รอบ ๆ ตัวเลย
ด้วยความที่ลำโพงมีมุมกระจายเสียงกว้างและให้เสียงเป็นอิสระจากตัวตู้ลำโพง ทำให้บางครั้งแค่โหมด Dolby Atmos Height Virtualization ใน Marantz NR1711 ก็ถ่ายทอดมิติเสียงในด้านสูงออกมาได้อย่างน่าทึ่งแล้วครับ
เช่น ในฉากนาทีที่ 20:44 ในหนังเรื่อง Zack Snyder’s Justice Leauge (iTunes Movie, 4K Dolby Vision, Dolby Atmos) เสียงเฮลิคอปเตอร์เบา ๆ ที่บินอยู่เหนืออาคารที่ถูกยึดและมีการจับตัวประกันเอาไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนเสียงนั้นลอยอยู่เหนือศีรษะ แน่นอนว่าคงไม่ชัดเท่าการมีลำโพง Height Channel จริง ๆ หรอกครับ แต่ได้ขนาดนี้ก็ถือว่ามิติเสียงดีมากแล้วครับ คือดีทั้งทางด้านกว้างและด้านสูงด้วย
ช่วงท้าย ๆ ของการรีวิวนี้ผมมีโอกาสได้ใช้ลองใช้งานลำโพงชุดนี้กับสตรีมมิ่งของ Disney+ Hotstar ซึ่งได้เริ่มให้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว พบว่าหลาย ๆ คอนเทนต์เปิดให้สตรีมด้วยระบบเสียง Dolby Audio 5.1 channel บ้างเป็นเสียง 5.1 channel เฉพาะภาษาอังกฤษ บ้างก็เป็น 5.1 channel ในตัวเลือกภาษาไทย แถมยังมิกซ์เสียงออกมาได้ดีมากด้วย
อย่างเช่น แอนิเมชันเรื่อง RAYA ซึ่งไม่ได้น่าสนใจแค่เรื่องเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ แต่เป็นปกติของหนังจากค่ายดีสนีย์ที่เขาตั้งใจทำเพลงประกอบมาอย่างดีด้วย (ส่วนมากบรรเลงด้วยวงออเคสตร้า) เมื่อรับชมผ่านระบบเสียงชุดนี้ นอกจากความรู้สึกสนุกไปตามเรื่องราวแล้ว ผมยังรู้สึกเพลินเพลิดและเจริญโสตประสาทมากครับ มันเป็นรายละเอียดเสียงที่ฟังสบาย ๆ ไม่ต้องเค้น ไม่ต้องเบ่งออกมาให้ฉูดฉาดจัดจ้านเกินจริง
คุณภาพเสียง (ฟังเพลง)
เช่นเดียวกับการรีวิวระบบเสียงรอบทิศทางชุดอื่น ๆ ผมได้ลองฟังลำโพงชุดนี้โดยการสตรีมเสียง Dolby Atmos จากผู้ให้บริการอย่าง TIDAL และ Apple Music โดยใช้กล่อง Apple TV 4K เป็น source โดยต่อสาย HDMI มาถอดรหัสเสียงที่ Marantz NR1711
ผมยอมรับว่าการฟังเพลงด้วยระบบเสียง Dolby Atmos นั้นเป็นประสบการณ์ใหม่ และอาจทำให้หลายคนที่คุ้นชินกับการฟังเพลงแบบสเตริโอเดิม ๆ รู้สึกแปลกหูได้
ทว่าถ้าหากเราเลือกฟังงานที่มิกซ์เสียงในระบบ Dolby Atmos มาได้อย่างเหมาะสม เช่น หลาย ๆ อัลบั้มของค่าย Blue Note โดยเฉพาะเมื่อฟังจากชุดลำโพงอย่าง Reserve Series ซึ่งตั้งใจออกแบบมาให้ครอบคลุมทั้งการดูหนัง-ฟังเพลง ผมว่ามันเป็นความแปลกใหม่ที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ ลำพังแค่เพลย์ลิสต์ Dolby Atmos ใน TIDAL นี่ก็มีที่น่าสนใจเยอะเลย
เช่น เวลาฟังเพลง ‘Blue March’ จากอัลบั้ม Moanin’ (Remastered 2013) ของ Art Blakey and the Jazz Messenger (TIDAL, Dolby Atmos) เสียงที่ได้ยินเหมือนมีบรรยากาศเหมือนผมกำลังนั่งฟังอยู่ในห้องซ้อมของนักดนตรี หรือกำลังนั่งอยู่แถวหน้าในบาร์แจ๊ซสักแห่ง เสียงเครื่องเป่ากระจ่างชัดและสดมาก เสียงกลองคมชัดฟังสนุกและแยกแยะรายละเอียดได้ดีไม่รกหู
เมื่อลองฟังเพลงที่มีดนตรีสเกลใหญ่ขึ้นอย่าง ‘Peer Gynt, Op. 23, Act II: No. 7, In the Hall of the Mountain King’ จากอัลบั้ม Grieg: Peer Gynt, Op. 23 (Apple Music, Dolby Atmos) ถ้าไม่ได้ลองฟังกับหูของตัวเองผมคงนึกไม่ออกว่าการฟังดนตรีคลาสสิกด้วยระบบเสียงรอบทิศทางมันจะให้บรรยากาศได้น่าสนใจขนาดนี้
นอกจากเครื่องดนตรีที่บรรเลงอยู่ตรงหน้า เสียงก้องสะท้อนของคอนเสิร์ตฮอลล์ ยังได้สร้างอาณาบริเวณของเสียงที่ฟังอยู่ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และสามารถรับรู้ได้ถึงมวลคลื่นเสียงที่แผ่ออกมารอบ ๆ ตัว ช่วงที่กลุ่มนักร้องประสานเสียงโหมขึ้นมาพร้อม ๆ กับเสียงดนตรี ผมว่ามันน่าตื่นตาตื่นใจจนผมอดร้องอุทานในใจไม่ได้ (แม้เจ้าโว้ย มันได้ขนาดนี้เลยเหรอ !)
Polk Audio Reserve Series เหมาะกับใคร ?
ลำโพง Polk Audio Reserve Series โดยเฉพาะลำโพงชุดนี้จัดว่าเป็นชุดลำโพงสำหรับระบบเสียงรอบทิศทางขนาดปานกลาง ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านเรือนทั่วไปที่ไม่ได้มีพื้นที่กว้างขวางมาก แต่ต้องการระบบเสียงที่สามารถเติมความต้องการ หรือพอจะทดแทนการเข้าไปรับชมในโรงภาพยนตร์ได้ตามปกติ ซึ่งมันเป็นอะไรที่เหมาะเจาะพอดีกับสถานการณ์ในช่วงนี้ หรือในอนาคตที่เราอาจจำเป็นต้องคุ้นชินอยู่กับไลฟ์สไตล์แบบ new normal เช่นนี้
อย่างลำโพง R500 นี่ไม่เป็นที่สงสัยเลยครับว่าเพราะเหตุใดจึงได้รับการรับรองมาตรฐาน IMAX Enhanced เสียดายเล็กน้อยที่ยังไม่ได้ลองใช้งานร่วมกับลำโพงรุ่น R900 ทว่าเท่าที่ได้ฟังอยู่นี้ก็บอกได้เลยว่ามิติเสียงอะเมซิ่งมากแล้วครับ ยิ่งเมื่อทำงานร่วมกับลำโพงเซ็นเตอร์ที่เสียงดีมาก ๆ อย่าง R300 มันก็ทำให้ผมลืมเสียงที่เคยฟังจากลำโพงซาวด์บาร์ที่เคยฟังไปเลยครับ รายละเอียดเสียงนี่คนละเรื่องเลย
สำหรับลำโพงรุ่น R100 ผมตั้งใจว่าจะลองยกไปฟังในระบบเสียงสเตริโอดูด้วย เพราะพิจารณาแล้วมีแววน่าจะไปได้สวย โดยเฉพาะกับชุดเครื่องเสียงสเตริโอชุดย่อม ๆ ที่ต้องการอัปเกรดขึ้นมาจากลำโพงระดับเริ่มต้น แต่ยังไม่พร้อมสำหรับงบประมาณสูง ๆ หรือว่ายังไม่พร้อมจะอัปเกรดแอมป์ตามไปด้วยในเวลานี้
สรุปโดยภาพรวมแล้ว Polk Audio Reserve Series ชุดนี้ให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับสิ่งที่ทางผู้ผลิตเขาตั้งใจเอาไว้ นั่นคือ การทำให้ลำโพงที่เสียงดีมีคุณภาพเหนือกว่าลำโพงระดับทั่ว ๆ ไป สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นเสียงแบบไฮเอนด์ย่อส่วนในราคาที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชนิดทุ่มกันจนหมดหน้าตัก หรือเป็นความสุขที่ต้องแลกมาด้วยอาการกระเป๋าแห้ง ผมเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่า Polk Audio ได้ทำสำเร็จแล้วครับ !
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท เพาเวอร์ บาย จำกัด
Power Buy Call Center โทร. 02-904-2120
ราคา:
R100 ราคา 22,900 บาทต่อคู่
R300 ราคา 15,900 บาทต่อตัว
R500 ราคา 49,900 บาทต่อคู่
https://ift.tt/3AiB1hK
โฮมเธียเตอร์
Bagikan Berita Ini
0 Response to "รีวิว Polk Audio : Reserve R100, R300, R500 “พลังเสียงที่มาพร้อมกับรายละเอียด ละเมียดละไม ระดับเคาะประตูสู่ไฮเอนด์” - AV Tech Guide"
Post a Comment