วันนี้ คมชัดลึกออนไลน์ พามาทำความรู้จัก "สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ" เปลี่ยนบ้านเป็นบำนาญ มีเงินใช้จนตาย โดยปัจจุบันประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ไปสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยในขณะนี้ไทยมีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากถึงร้อยละ 15 หรือมากกว่า 10 ล้านคนแล้ว นอกจากนี้ แนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวก็มากขึ้น ทำให้เงินที่เตรียมไว้เพื่อการเกษียณอายุอาจไม่เพียงพอจนวันสุดท้ายของชีวิต
ดังนั้น ภาครัฐจึงเริ่มมีนโยบายใหม่ ๆ เพื่อมาช่วยเหลือผู้สูงอายุมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การเงินทางเลือกใหม่สำหรับผู้สูงอายุ ซึ่ง Reverse Mortgage หรือ การจำนองแบบย้อนกลับ นั้นจะตรงข้ามกับการขอสินเชื่อบ้านหรือจำนองบ้านทั่วไป ดังนี้
สินเชื่อบ้านทั่วไป
- ผู้กู้ผ่อนชำระกับธนาคารทุกงวด
- ครบกำหนดงวดสุดท้าย บ้านจะเป็นของผู้กู้
- คุณสมบัติของผู้กู้ต้องอายุไม่เกิน 70 ปี
สินเชื่อ Reverse Mortgage
- ธนาคารเป็นผู้ผ่อนชำระให้ผู้กู้ทุกงวด
- ครบกำหนดงวดสุดท้าย บ้านจะเป็นของธนาคาร
- คุณสมบัติของผู้กู้ต้องอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี
"การจำนองแบบย้อนกลับ คือ เราขายบ้านล่วงหน้าให้กับธนาคาร แต่แทนที่เราจะได้เป็นเงินก้อน เราจะได้เป็นเงินรายงวด ธนาคารต้องจ่ายเงินค่างวดทุก ๆ เดือน คล้ายกับเงินบำนาญให้กับเจ้าของบ้านจนกว่าเจ้าของบ้านเสียชีวิต และธนาคารก็ได้บ้านนั้นไป อาจเอาไปขายต่อให้กับทายาทหรือขายทอดตลาดก็ได้ ทั้งนี้ เจ้าของบ้านก็สามารถอยู่อาศัยในบ้านได้ เสมือนเป็นบ้านของเราเลยจนกว่าจะเสียชีวิต"
"สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ" Reverse Mortgage สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จาก ธนาคารออมสิน
จำนวนเงินให้กู้
- ให้กู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้
ที่ดินพร้อมอาคาร
- กรณีตั้งอยู่ในโครงการจัดสรรตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 70 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- กรณีไม่ได้ตั้งอยู่ในโครงการจัดสรรตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน มีเงื่อนไข ดังนี้
- ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา) เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตำบล ไม่เกินร้อยละ 70 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- นอกเหนือจากพื้นที่ตาม 1 ไม่เกินร้อยละ 60 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
ห้องชุด
- ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 60 ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ทั้งนี้ จำนวนเงินให้กู้ หมายถึง เงินต้นรวมดอกเบี้ย และรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้แก่ ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ค่าจดจำนอง และค่าใช้จ่ายส่วนกลาง
ดอกเบี้ย
ระยะเวลาจ่ายเงินกู้
- สูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยต้องเท่ากับระยะเวลาที่เหลือของอายุผู้กู้ที่รวมกับระยะเวลาการจ่ายเงินกู้แล้วผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 85 ปี กรณีมีผู้กู้ร่วมให้นับระยะเวลาจ่ายเงินกู้ตามอายุของผู้กู้ที่มีอายุน้อยที่สุดเพียงคนเดียว (ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ = 85 - อายุผู้กู้)
- กรณีมีผู้กู้ร่วม สูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยให้ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เท่ากับ 85 ลบด้วยอายุผู้กู้ที่มีอายุน้อยกว่าเพียงคนเดียว (ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ = 85 - อายุผู้กู้ที่มีอายุน้อยกว่า) ยกเว้นกรณีผู้กู้ร่วมมีอายุต่ำกว่า 60 ปี ให้ระยะเวลาจ่ายเงินกู้เท่ากับ 25 ปี เท่านั้น
วิธีการจ่ายเงินกู้ ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- จ่ายเงินกู้เป็นรายเดือน หรือ
- จ่ายเงินงวดแรกเท่ากับร้อยละ 10 ของวงเงินกู้ จากนั้นจ่ายเงินกู้เป็นงวดรายเดือน
- ทั้งนี้ ผู้กู้สามารถขอเบิกเงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในวันทำนิติกรรมสัญญาได้ เช่น ค่าจดจำนอง และค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย โดยการจ่ายเงินกู้งวดแรกเท่ากับร้อยละ 10 ของวงเงินกู้ เป็นจำนวนที่รวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในวันจัดทำนิติกรรมสัญญาแล้ว นอกจากนี้ ผู้กู้ยังสามารถเบิกเงินกู้เพิ่มเติมในระหว่างสัญญาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางได้
- กรณีธนาคารจ่ายเงินต้นรวมดอกเบี้ยและ / หรือค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี) ครบวงเงินกู้ตามสัญญาแล้วผู้กู้ยังมีชีวิตอยู่ ธนาคารจะหยุดจ่ายให้กับผู้กู้และคิดดอกเบี้ยกับผู้กู้ต่อไปจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้ปิดบัญชี
กรณีผู้กู้มีความประสงค์ขอกู้เพิ่มเติม
ให้ประเมินราคาหลักประกันใหม่ หากราคาประเมินเพิ่มสูงขึ้นและคุ้มมูลหนี้เดิม ให้พิจารณาให้กู้ ดังนี้
- ไม่นำหลักเกณฑ์เงื่อนไขในส่วนของวงเงินให้กู้สูงสุดต่อราย อายุผู้กู้และระยะเวลาให้กู้มาพิจารณา โดยจ่ายเงินกู้เป็นรายเดือนให้กับผู้กู้ในจำนวนเท่าเดิม
- จำนวนเงินที่ขอกู้เพิ่มเติมเมื่อรวมกับมูลหนี้เดิมแล้วต้องไม่เกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
- ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ครั้งละไม่เกิน 5 ปี หากมีการขอกู้เพิ่มเติมในครั้งต่อไปอีก ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันนี้
คุณสมบัติ
- เป็นบุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 80 ปี และต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
- กรณีไม่มีคู่สมรส ผู้กู้ต้องมีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันแต่เพียงผู้เดียว และไม่มีกรณีการกู้ร่วมกับบุคคลอื่น
- กรณีมีคู่สมรส กรรมสิทธิ์ในหลักประกันจะต้องเป็นของผู้กู้และ/หรือคู่สมรสเท่านั้น โดยมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้
- คู่สมรสต้องเข้ามาเป็นผู้กู้ร่วมด้วย และไม่มีกรณีกู้ร่วมกับบุคคลอื่น
- คู่สมรสต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้กู้ ยกเว้นอายุคู่สมรสต้องมีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 80 ปี
- ต้องสามารถรับภาระค่าใช้จ่าย หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขอสินเชื่อกับธนาคารได้
หลักประกัน
ที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดซึ่งปลอดภาระหนี้เพียงแห่งเดียว โดยต้องเป็นที่อยู่อาศัยหลักของผู้กู้และคู่สมรส (ผู้กู้ร่วม) และต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตลอดอายุสัญญากู้เงิน โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
- กรณีหลักประกันเป็นห้องชุด ต้องเป็นห้องชุดในอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด และต้องมีราคาประเมินไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท
- ต้องตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ มีสภาพคล่องสูง อยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีสาธารณูปโภคที่จำเป็น มีทางสาธารณประโยชน์ซึ่งรถยนต์ผ่านเข้า - ออกได้สะดวก
- ทั้งนี้ หลักประกันต้องไม่เป็นที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่บนที่ดินที่เป็นที่สวน ที่ไร่ ที่นา
สถานที่ยื่นคำขอกู้
- ธนาคารออมสินสาขาที่หลักประกันตั้งอยู่
"สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ" Reverse Mortgage สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
เงื่อนไขพิเศษ
- โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) เป็นสินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี ซึ่งธนาคารให้กู้ยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ โดยลูกค้าต้องนำที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ และธนาคารจะจ่ายเงินให้ผู้กู้เป็นรายเดือน
หมายเหตุ : กำหนดพื้นที่นำร่องหลักประกันต้องตั้งอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล
วัตถุประสงค์การยื่นกู้
- เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ
วงเงิน / ระยะเวลาผ่อน
วงเงินให้กู้สูงสุด
- วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท
ระยะเวลาการกู้
- อย่างน้อย 6 เดือน และสูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาขอกู้ต้องไม่เกิน 85 ปี
อัตราดอกเบี้ย / ค่าธรรมเนียม
อัตราดอกเบี้ย
- คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เท่ากับ 6.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญากู้เงิน
ค่าธรรมเนียม
ยกเว้นค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้)
- ค่าประเมินราคาหลักประกัน
ธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียม
- ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาทต่อราย)
- ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง)
- ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยครึ่งหนึ่ง (50%)
คุณสมบัติ / เอกสารที่ใช้สมัคร
คุณสมบัติ
- บุคคลธรรมดา มีสัญชาติไทยอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ไม่เกิน 80 ปี และเป็นผู้มีกรรมสิทธิในที่อยู่อาศัยโดยปลอดภาระจำนอง
- ต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
- กู้ร่วมได้เฉพาะกับคู่สมรสตามกฎหมายหรือพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันที่มีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันเดียวกัน
เอกสาร
- บัตรประจำตัวประชาชน / ข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ - สกุล (ถ้ามี)
- อื่น ๆ (ถ้ามี)
เอกสารหลักประกัน
- สำเนาโฉนดที่ดิน / น.ส.3ก. / หนังสือแสดงกรรมสิทธิห้องชุด (อช.2) ทุกหน้า
- หลักฐานการเป็นเจ้าของบ้าน เช่น สำเนาใบคำขอ เลขหมายบ้าน สำเนาสัญญาซื้อขายฉบับสำนักงานที่ดิน (ทด.13 หรือ อ.ช.23)
- ทะเบียนบ้านหลักประกันที่มีชื่อผู้กู้หลักเป็น “เจ้าบ้าน” หรือ“ผู้อาศัย”
- อื่น ๆ (ถ้ามี)
หมายเหตุ ** ธนาคารขอสงวนสิทธิในการขอเอกสารต่าง ๆ ของผู้กู้เพิ่มเติม เพื่อใช้ประกอบพิจารณาการให้สินเชื่อของธนาคาร **
รายละเอียดเพิ่มเติม : ธนาคารออมสิน , ธนาคารอาคารสงเคราะห์
https://ift.tt/3BaWg4f
บ้าน
Bagikan Berita Ini
0 Response to ""สินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุ" อีกทางเลือกใหม่ แลกบ้านเป็นบำนาญ มีเงินใช้จนตาย - คมชัดลึก"
Post a Comment