
เมื่อถึงเวลานัดหมาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ขอให้สื่อมวลชนออกจากห้อง เพื่อทำการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นเวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ก่อนที่ในเวลา 16.45 นาฬิกา จะได้เรียก ผู้แทนชาวบ้านและสื่อมวลชนเข้ารับฟังข้อสรุป โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สรุป ผลการตรวจสอบให้ฟังว่า จากการตรวจสอบ พบว่าเจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวดำเนินการถมดินโดยไม่ได้รับอนุญาต และทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าได้มีการทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินหยุดการถมดิน และขอให้เจ้าของที่ดินมาทำหนังสือขออนุญาตให้ถูกต้องเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 และทางเจ้าของที่ดินได้เข้ามายื่นหนังสือขออนุญาตอีกครั้งในวันที่ 19 สิงหาคม 2563
กระทั่งเทศบาลได้มีการออกหนังสืออนุญาตให้มีการถมดินในวันที่ 28 สิงหาคม 2563 โดยมีระยะเวลาการดำเนินการได้จนถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเมื่อสิ้นสุดการอนุญาตเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 เจ้าของที่ดินได้มายื่นขอต่อใบอนุญาตถมดินกับทางเทศบาล แต่ทางเทศบาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีข้อร้องเรียนจากทางชาวบ้านจึงได้ไม่อนุญาตต่อใบอนุญาตให้กับเจ้าของที่ดิน ทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบภายในที่ดินแปลงดังกล่าว พบว่าในการถมดินไม่ได้มีการวางระบบการระบายน้ำตามข้อกำหนด ในส่วนของการก่อสร้าง แนวกำแพงกันดินและรั้วที่อยู่บนแนวกำแพงกันดินซึ่งสูงจนมิดหลังคาของชาวบ้านนั้น เมื่อตรวจสอบเอกสารการขออนุญาต พบว่าทางเทศบาลมีการอนุญาตการก่อสร้างแนวรั้วจริง แต่ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการสร้างแนวกำแพงกันดิน
ดังนั้น จึงถือว่ารั้วดังกล่าวสร้างอยู่บนสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีฐานราก อาจทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่อยู่ข้างเคียงได้ ทางจังหวัดกาญจนบุรีจึงมีคำสั่งให้ทางเทศบาลตำบลลาดหญ้า แจ้งกับเจ้าของที่ดินให้มีการรื้อถอนแนวรั้วบนกำแพงกันดินออกให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 15 วัน และให้เจ้าของที่ดินดำเนินการขุดดินออกจากแนวรั้วทั้ง3ด้าน ด้านละ 4.50 เมตร เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการตรวจสอบความแข็งแรงของแนวรั้วกำแพงกันดินดังกล่าว โดยให้ดำเนินการขุดดินออกจากแนวกำแพงกันดินให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 15 วัน หากไม่ดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว ก็จะได้มีการบังคับใช้กฎหมายในขั้นสูงต่อไป
ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนของประชาชน อันเป็นผลมาจากการถมดินดังกล่าว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลลาดหญ้า ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับบ้านเรือนของประชาชน ไปดำเนินการตรวจสอบประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเรือนประชาชนซึ่งพบว่ามีจำนวนประมาณ 10 หลัง ส่งให้ทางยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรีเข้าไปหารือกับเจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหาย เพื่อคำนวณความเสียหาย และเจรจากับทางเจ้าของที่ดินในเรื่องของการชดใช้ให้กับชาวบ้านผู้ได้รับความเสียหายต่อไป ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายเจรจาตกลงกันได้ก็ไม่ต้องดำเนินการ ตามกฎหมายในขั้นต่อไป
พร้อมกันนี้ ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ฝากขอโทษไปยังประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากที่ผ่านมาการดำเนินการตามขั้นตอนของส่วนราชการอาจมีความล่าช้า จนทำให้การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที หลังเสร็จสิ้นการแถลงข้อสรุปจากทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว
นางมธุรส คุ้มประสิทธิ์ หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ถึงกับหลั่งน้ำตา และเข้าสวมกอดกับผู้สื่อข่าวที่เดินทางมารอทำข่าว ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า รู้สึกตื้นตันใจ ที่ปัญหาของชาวบ้านได้รับการแก้ไข และอยากจะฝากขอบคุณไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รองผู้ว่า นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสื่อมวลชน เพราะหากเรื่องนี้ไม่มีสื่อมวลชนเข้ามานำเสนอข่าวปัญหาดังกล่าวก็อาจจะยังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะตั้งแต่เริ่มเป็นข่าวมาระยะเวลาเพียง 2-3 วันปัญหาทั้งหมดที่ตนและชาวบ้านต่อสู้ร่วมกันมาเกือบ 2 ปีในที่สุดก็ได้รับการแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมา ต้นเชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง จึงไม่เคยท้อที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองและชาวบ้าน
อ่านบทความและอื่น ๆ ( าวบ้านได้เฮ จังหวัดสั่งเจ้าของที่ดินรื้อถอนรั้ว ขุดดินริมแนวกำแพงออก 4.5 เมตรภายใน 15 วัน - ช่อง 7 )https://ift.tt/3nXLrhz
บ้าน
Bagikan Berita Ini
0 Response to "าวบ้านได้เฮ จังหวัดสั่งเจ้าของที่ดินรื้อถอนรั้ว ขุดดินริมแนวกำแพงออก 4.5 เมตรภายใน 15 วัน - ช่อง 7"
Post a Comment