จากการลงพื้นที่พบว่าอาคารพาณิชย์ดังกล่าวเป็นของ นางชุลีพร (ขอสงวนนามสกุล) ตั้งอยู่ติดกับบริเวณทางเข้า-ออกของหมู่บ้าน เป็นอาคารสูง 4 ชั้น คนงานได้ทำการรื้อถอนกำแพงหมู่บ้านที่กั้นระหว่างอาคารพาณิชย์ดังกล่าว โดยชาวบ้านได้แจ้งว่ามีการรื้อถอนตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.64 ต่อมาทางคณะกรรมการหมู่บ้านได้ทำหนังสือถึงเทศบาลเมืองบางบัวทอง เพื่อให้ระงับการก่อสร้างและปรับพื้นที่อาคารดังกล่าว เพราะพบว่ามีการลุกล้ำพื้นที่เข้ามาในเขตทางเข้า-ออกของหมู่บ้าน ปรากฏว่าหลังเจ้าหน้าที่เทศบาลนำคำสั่งระงับการก่อสร้างชั่วคราวมาปิดประกาศที่อาคาร ทางเจ้าของอาคารกลับไม่สนใจในคำสั่งเทศบาล และได้สั่งให้ผู้รับเหมาทำงานต่อไป สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มชาวบ้านเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้คณะกรรมการหมู่บ้านชุดปัจจุบันทั้ง 10 คน ได้ถูกเจ้าของอาคารพาณิชย์ดังกล่าว แจ้งความดำเนินคดี ในข้อหาร่วมกันบุกรุกทำลายทรัพย์สินและทำให้เสียทรัพย์แทน จึงสร้างความงุนงงงให้กับคณะกรรมการหมู่บ้านทั้ง 10 คน เป็นอย่างมาก เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 39 และเจ้าของหมู่บ้านได้ยกที่ดินซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหมู่บ้านให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ จนมาเกิดกรณีทุบกำแพงกั้นออกโดยเจ้าของอาคารพาณิชย์ แต่เจ้าของอาคารกลับไม่ถูถแจ้งความดำเนินคดี
นายอนุรักษ์ ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า เพราะระบบกฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหาที่ปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง คือรับแจ้งไว้ก่อนแล้วตั้งข้อกล่าวหาให้ผู้เสียหายไปหาหลักฐานมาต่อสู้เอง ตนสงสัยในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางบัวทอง เป็นอย่างมาก ไม่แน่ใจว่าลงพื้นที่มาดูตรวจสอบดูข้อเท็จจริงหรือยัง หมู่บ้านสร้างมาตั้งแต่ปีไหน คณะกรรมการผู้บ้านชุดปัจจุบันคนไหนไปบุกรุกหรือทำลายทรัพย์สินในพื้นที่ให้เขาเสียหาย แต่ทำไมพอถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกทำลายทรัพย์สิน ก็ดำเนินการเรียดตีวคณะกรรมการหมู่บ้านไปแจ้งข้อหา พิมพ์ลายนิ้วมือ แล้วส่งฟ้องศาลเลย ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน แต่ในทางกลับกันเจ้าของตึกที่รื้อทำลายกำแพงบุกรุกพื้นที่ถนนของหมู่บ้านเข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่คำชี้ขาดจากเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอบางบัวทองชี้ขาดในเรื่องรังวัดพื้นที่ที่ยังพิพากกันอยู่ ตนถามว่าแบบนี้ใครควรจะเป็นฝ่ายถูกดำเนินคดีมากกว่ากัน ซึ่งเรื่องนี้ทางกลุ่มชาวบ้านหมู่บ้านเดวงทองจะไม่ยอมความเรื่องนี้ง่ายๆ แน่นอน เพราะนอกจากจะเตรียมแจ้งความกลับทำลายทรัพย์ บุกรุกทางสาธารณะ ละเมิดไม่ปฎิบัติตามคำสั่งตามเจ้าหน้าพนักงานท้องถิ่นให้หยุดดำเนินการก่อสร้างชั่วคราวแล้ว ทางตัวแทนหมู่บ้านจะแจ้งความกลับฐานแจ้งความเท็จดำเนินการต่อไป
ทางด้านชุลีพร เจ้าของอาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของพื้นที่โดยรอบอาคารแห่งนี้ ตนขอยืนยันว่าถ้าตนไม่แน่ใจในกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ครอบครองอยู่ ตนคงไม่กล้าจะดำเนินการอะไรแบบนี้ เพราะทุกอย่างตนได้ดำเนินการตามขั้นตอนถูกต้อง ปรึกษาทนายความและเจ้าหน้าที่โยธาธิการจังหวัด หลังพบว่าพื้นที่ของอาคารถูกทางหมู่บ้านสร้างรุกล้ำกินเข้ามาในพื้นที่ของตน ตนจึงอยากถามกลับไปว่า ถ้ามีใครมาบุกรุกพื้นที่บ้านคุณไม่ว่าจะวิธีการใดๆก็ตาม เป็นคุณจะยอมไหม ในจุดนี้ตนเองพร้อมแสดงความรับผิดชอบ ถ้าหากศาลตัดสินว่าตนเองก่อสร้างหรือดำเนินการใดๆ เป็นการรุกล้ำพื้นที่ของหมู่บ้าน ตนเองพร้อมก่อสร้างคืนให้กลับสภาพเดิม แต่ไม่ได้ไปละเมิดใครตนเองก็ขอใช้สิทธิ์เต็มที่ในพื้นที่เช่นกัน นอกจากนี้ในวันจันทร์ตนเองจะเดินทางไปทำเรื่องคัดค้านการออกคำสั่งระงับการก่อสร้างโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายของเทศบาลเมืองบางบัวทอง เนื่องจากตนมองว่าคำสั่งนี้ไม่เป็นไปตามขั้นตอน สร้างความเสียหายให้กับตนด้วย
ทางด้านนายสมเกียรติ แก้วเพทาย สท.บางบัวทอง กล่าวว่า ในวันนี้ในฐานะสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางบัวทอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่กลุ่มชาวบ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านร้องเรียนมาเกี่ยวกับกรณีข้อพิพากที่ดินที่อยู่ติดกันของหมู่บ้านกับพื้นที่อาคารพาณิชย์ ซึ่งในตอนแรกตนก็คิดว่าคงจะมีทางออกด้วยการหารือไกล่เกลี่ยข้อพิพากระหว่างกัน แต่ปรากฎว่าทางคณะกรรมการหมู่บ้านซึ่งเป็นตัวแทนหมู่บ้านแห่งนี้กลับถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อการ่วมกันบุกรุกทำลายทรัพย์สินทำให้เสียทรัพย์ไปแล้ว ซึ่งตนคงต้องรายงานให้ทางเทศบาลและอำเภอบางบัวทองหรือจังหวัดลงมาดูแลกรณีนี้ต่อไป
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ชาวบ้านร้องถูกเจ้าของอาคารพาณิชย์รุกล้ำพื้นที่ ด้านคู่กรณีโต้! ไม่ได้รุกล้ำ มั่นใจในกรรมสิทธิ์ที่ดิน - ช่อง 7 )https://ift.tt/2ZZS3Un
บ้าน
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ชาวบ้านร้องถูกเจ้าของอาคารพาณิชย์รุกล้ำพื้นที่ ด้านคู่กรณีโต้! ไม่ได้รุกล้ำ มั่นใจในกรรมสิทธิ์ที่ดิน - ช่อง 7"
Post a Comment